05 มีนาคม 2552

ภาพยนตร์เอมใจ

“สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แม้ขณะนั้นยังไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ แต่ที่รู้แน่ๆคือ มันเป็นความรู้สึกในเชิงบวก และ มันล้นปรี่เสียเหลือเกิน”……………………..

เชื่อว่าหลายๆคนคงจะรู้จักมักคุ้นหรือบางคนอาจจะเข้าไปทำความรู้จักกับหนังเรื่องที่ฉันกำลังจะพูดถึงมาแล้ว ไม่ใช่หนังนอกกระแสที่ไหน แต่เป็นหนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในปีนี้และกวาดรางวัลมาได้น้อยกว่าที่หลายๆคนคาดหวังเอาไว้ ถูกแล้วล่ะ ฉันกำลังจะพูดถึงหนังเรื่อง “The Curious Case of Benjamin Button” สำหรับคนที่รู้จักหนังเรื่องนี้เพียงผ่านๆ ขอเล่าพลอตเรื่องอย่างย่อว่า หนังเล่าถึงชีวิตของคุณ Benjamin Button ซึ่งเกิดมาในหุ่นทารกแต่มีสภาพร่างกายและหน้าตาเปรียบประดุจชายแก่อายุ 80 ปี สิ่งที่ประหลาด คือ คุณ Benjamin คนนี้ ยิ่งโตยิ่งหนุ่มขึ้น เพราะฉะนั้นตอนเค้าอายุ 5 ขวบ หน้าตาและสภาพร่างกายจะเหมือนคนแก่อายุ 80 แต่สมมติเค้าอายุ 40 ปี หน้าตาและสภาพร่างกายจะเหมือนคนหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ

ฉันได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาเมื่อคืน การดำเนินเรื่องนั้นเหมือนกับเรากำลังดูชีวิตของคนๆนึงอยู่ ช่วงครึ่งแรกของหนังฉันรู้สึกว่า “ทำไมเรื่องมันถึงได้เรื่อยๆ ขนาดนี้นะ” แต่เมื่อดูไปแบบเรื่อยๆนี่แหละ ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกของฉันเหลือเกิน น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตาในหลายๆช็อตโดยไม่ได้ตั้งตัว หลังจากดูหนังจบฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แม้ขณะนั้นยังไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ แต่ที่รู้แน่ๆคือ มันเป็นความรู้สึกในเชิงบวก และ มันล้นปรี่เสียเหลือเกิน

เมื่อกลับถึงบ้านความรู้สึกนี้ผลักดันให้ต้องระบายอะไรบางอย่างข้างในออกมา ฉันเปิดคอมพ์และพิมพ์สิ่งที่รู้สึกตอนนั้นออกมา ณ เวลานั้นฉันระบายมันออกมาเป็นภาษาอังกฤษ มันพรั่งพรู (แทบไม่ได้คิด)ออกมาเองประมาณ 2 ย่อหน้า แล้วฉันก็หยุด เพราะเมื่อต้องอธิบายความรู้สึกที่ยังไม่ชัดเจนออกมาเป็นภาษาอังกฤษมันค่อนข้างจะยากและไม่ต่อเนื่อง

แต่วันนี้....ที่กำลังนั่งพิมพ์บทความนี้อยู่ ฉัน.........ตกตะกอนเรียบร้อยแล้ว
รู้แล้วว่าความรู้สึกที่ล้นปรี่นั้น คือ ความรู้สึก บวกกับ พลังที่อยากจะใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างลึกซึ้งและมีคุณค่าในทุกขณะ

แล้วหนังเรื่องนี้ ให้อะไรกับฉัน?
คำตอบ คือ หนังเรื่องนี้พาฉันเข้าไปสัมผัสถึง ความไม่แน่นอนของชีวิต (Impermanence)พาฉันเข้าไปสัมผัสถึงพลังแห่งความรัก (Love) และความเมตตากรุณา (Compassion) ในขณะที่ตัวเอกของเรื่อง คือ คุณ Benjamin มีสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามกับมนุษย์ทั่วไป แต่เค้ายังมี แม่บุญธรรม เพื่อนและเจ้านายที่ให้มิตรภาพดีๆ และผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเค้าอยู่เสมอ ความผิดปกติของเค้าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสร้างความสัมพันธ์ดีๆกับผู้อื่นเลย หนำซ้ำ Benjamin ยังยอมรับในสภาพที่เป็นอยู่อย่างเข้มแข็งและเข้าใจชีวิตเป็นอย่างดี ผู้คนรอบข้างเขาต่างก็เข้าใจและยอมรับในความไม่แน่นอนนี้ ต่างอุ้มชูกันและกันด้วยความรักความเมตตาเสมอมา แม้ว่าความไม่แน่นอนทั้งของ Benjamin เอง และของคนข้างจะรุนแรงเกินประมาณในบางครั้ง จุดที่น่าสังเกตคือ เกือบทุกคนในเรื่องไม่ได้มองว่า Benjamin ผิดปกติอะไร

ฉันกลับมาถามตัวเองว่า “ถ้าความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบนี้เกิดขึ้นกับเราจริงๆ เราจะใช้ชีวิตในแบบไหน เราจะมีรักที่แท้และความเมตตาที่งดงามเหมือน Benjamin และผู้คนรอบข้างของเขาหรือไม่”
ฉันกลับมาตั้งคำถามว่า “คนที่ฉันรู้สึกรักในตอนนี้ หากวันหนึ่งแขกคนที่ชื่อว่า Impermanence แวะมาเยี่ยม ฉันยังจะรักและเมตตาเขาหรือไม่” ตั้งคำถามว่า “หากวันหนึ่งสภาพร่างกายของฉันไม่เหมือนที่ฉันอยากให้เป็น ฉันจะรักและภูมิใจในตัวเองอีกต่อไปหรือไม่ ”
“แล้วทุกวันนี้ ความรักความเมตตาที่ฉันคิดว่าได้มอบให้กับใครๆหรือให้กับตัวเองนั้น เป็นความรักความเมตตาที่แท้จริงหรือไม่”

แม้ความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจะยังมาไม่ถึง แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ฉันเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นว่า “แม้นาทีต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น แต่ใจที่เปิดกว้าง ใจที่คิดดี การทำตัวเป็นเพื่อนกับความไม่แน่นอนของชีวิต การยอมรับและให้ความอ่อนโยนกับสิ่งที่เราเป็นอยู่นั้นเป็นพลังมหัศจรรย์ที่จะทำให้เราหยัดยืนได้อย่างเป็นสุขและสง่างาม”

Benjamin ไม่เคยตัดพ้อถึงสภาพผิดปกติของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว
Daisy คนรักของเค้าไม่เคยมีสีหน้าที่บ่งบอกว่าสภาพของ Benjamin นั้นผิดปกติ ทั้งต่อหน้าและลับหลังเค้า เธอไม่ต้องแอบซ่อนความรู้สึกอะไร เพราะหัวใจเธอมีพื้นที่มากมาย
Queany แม่บุญธรรมของ Benjamin รักเค้าตั้งแต่แรกพบ และรักเสมอมา ฉันรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันทุกครั้งเวลาที่ Queany เรียก Benjamin ว่า “My baby”

หากเรารักและเห็นคุณค่าของตัวเอง มีสติในทุกขณะ ให้พื้นที่และความรักความเมตตาต่อคนรอบข้าง
ฉันคิดว่า “นี่อาจจะเป็นความสุขที่แท้จริงของการได้ใช้ชีวิต”

อิ่มเอมเกินประมาณ
จิตราฐิติวรดา

เขียนที่บ้าน
เมื่อ วันจันทร์ที่ 2 มี.ค. เวลา 23.55 น.

ไม่มีความคิดเห็น: