05 มีนาคม 2552

๐๑ อิสรภาพ


อิสรภาพเป็นสิ่งวิเศษแต่มีใครรู้บ้างว่าอิสรภาพที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ผมลองใคร่ครวญจินตนาการถึงอิสรภาพนี้มานานแสนนานแต่ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ สำหรับคุณคิดว่าอิสรภาพที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร? หากคุณมีตะเกียงวิเศษอยู่ในมือที่สามารถเสกทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ คุณจะปรารถนาสิ่งใด?

ผมลองนึกย้อนวิถีแทนการนึกถึงอิสรภาพโดยมองให้ลึกลงไปว่าสิ่งใดกันที่ช่วงชิงเอาอิสรภาพจากผมไป ถ้าไม่มีสิ่งที่พันธนาการอิสรภาพของผมแล้วผมจะเป็นอย่างไร?

มองเข้าไปลึกๆ ในหัวใจผมพบกับความอ้างว้าง มีความปรารถนาในห้วงลึกที่ต้องการคุณค่า คุณค่าในการมีชีวิตอยู่ ตลอดทั้งชีวิตอาจกล่าวได้ว่าเราต่างดิ้นรนแสวงหาคุณค่านี้ ในวัยเด็กต้องเรียนหนังสือให้ดีถึงจะเป็นเด็กดีมีคุณค่า ถ้ามีคุณค่าเราคงเป็นที่รัก ถ้าเป็นที่รักเราคงมีความสุข เราต้องจบมหาวิทยาลัยสูงๆ ได้ปริญญาตรี โท เอก เพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับของสังคมและมีความสุข เมื่อได้มาแล้วใจที่แสนอ้างว้างก็แสวงหาต่อไป หากเรามีการงานที่มั่นคงเราคงมีความสุข แค่เรียนให้จบและมีการงานที่มั่นคงนี้ก็เป็นการดิ้นรนแสนสาหัสสำหรับมนุษย์แล้ว เพราะน้อยคนนักที่จะได้มาทั้งการศึกษาที่ดีและงานที่มั่นคง พ้นจากชีวิตที่ต้องดิ้นรน คิดว่าได้มาทั้งสองสิ่งแล้วเราคงจะมีความสุขมีชีวิตที่มีคุณค่า แต่ก็อีก หากมีชีวิตที่สมบูรณ์แต่ไร้ซึ่งคนรู้ใจ ไร้ซึ่งครอบครัวที่อบอุ่น ชีวิตนี้จะมีความหมายใด แสวงหาคนรักแต่ก็มีเพียงคนส่วนน้อยชนิดว่าหนึ่งในพันในหมื่นที่จะได้พบคู่บุญคู่วาสนาที่รักกันและกันอย่างบริสุทธิ์แท้จริง

น้อยคนนักในโลกนี้ที่จะได้มาทั้งครอบครัวที่อบอุ่น คู่รักที่หวานชื่น และการงานที่มั่นคงมีความหมาย แค่การพากเพียรดิ้นรนเพื่อให้ได้มาทั้งสามสิ่งนี้ก็เป็นดั่งมหากาพย์แห่งชีวิต มีผู้คนเพียงหยิบมือจากทั่วทั้งโลกาที่ชนะมหาสงครามนี้ได้ แต่จุดหมายนี้ใช่แล้วหรือซึ่งจุดสูงสุด?

มีคู่รักแล้วก็คงอยากมีลูก และการที่จะให้ลูกเราได้พบกับความสำเร็จขั้นอัลติมะอย่างที่เราได้มา มหากาพย์เรื่องใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น เราอาจจินตนาการว่าเมื่อถึงวัยแก่มีครอบครัวสมบูรณ์ ลูกหลานประสบความสำเร็จ มีฐานะมั่นคง สุขภาพดีปราศจากโรคภัย เราคงมีความสุข แต่ต่อให้ได้มาซึ่งทั้งหมดนี้แล้วเราจะมีความสุขจริงหรือ? ส่วนใหญ่คงเป็นทุกข์เพราะไม่ได้มันมา และอีกส่วนน้อยก็คงเป็นทุกข์เพราะจะต้องสูญเสียมันไป ไม่ช้าก็เร็ว

การเห็นร่างกายของตนที่ค่อยๆ เสื่อมสลายลงไปพร้อมกับกาลเวลา จำนวนวันเวลาที่เราจะได้อยู่ร่วมกับคนรักที่ค่อยๆ ดับลงไปในทุกวินาที ความตายที่กำลังมาเยือน ความโศกเศร้าอาดูรของการสูญเสียคนรัก สูญเสียความสามารถในการวิ่ง เล่น ท่องเที่ยวเหมือนเมื่อเยาว์วัย โรคร้ายที่เข้ามาเยือนจนบางคนอาจปรารถนาความตาย ถ้าฉันตายฉันคงมีความสุขกว่านี้ ชีวิตนี้ก็เพียงเท่านี้แหละฉันอิ่มเอมแล้ว ชีวิตหน้าคงจะมีความสุขกว่านี้ เรากำลังเดินทางไปสู่โลกที่ดีกว่า

หลายชีวิตเป็นชีวิตที่ลำบากและทุกข์เข็ญ บ้างอาจโชคดีมีชีวิตที่สบายแต่ทุกข์ใจ บ้างก็อาจมีชีวิตที่ลำบากแต่สบายใจ และเพียงหยิบมือที่อาจเป็นทั้งชีวิตที่สบายและสุขใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จบลงที่ความตาย ไม่ว่าชีวิตนั้นจะสวยสดงดงามหรือทุเรศอนาถา

ชีวิตคืออะไร? ผมคงตอบว่าเป็นการดิ้นรนหาความสุขอย่างไม่มีวันจบสิ้น เราทุกคนถูกผลักดันด้วยเป้าหมายชีวิตไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม มันกำหนดทิศทางที่ชีวิตของเราดำเนินไปและมีเป้าหมายเป็นการวิ่งเข้าหาความสุขเสมอ

เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร? ถามคำถามนี้หลายคนอาจงงงันเพราะแทบนับคนได้ที่จะรู้จักใจของตน แค่คนที่คิดมองเข้าไปในใจก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แต่ไม่ว่าจะรู้เป้าหมายหรือไม่พวกเราทุกคนก็มีเป้าหมายด้วยกันทั้งนั้น เป้าหมายนั้นอาจเป็นการอยู่ไปวันๆ ขอแค่กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอ บางคนอาจทะเยอทะยานขอชีวิตที่หรูหรา มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายกว่าคนทั่วไป หรืออาจมีความฝันที่สวยหรู มีชีวิตเพื่อก้าวเดินตามตำนานชีวิตของตน มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม

การจะไปถึงเป้าหมายก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความชัดเจนกับมันมากเพียงใด ขึ้นอยู่กับความรัก มั่นคง ศรัทธาที่เรามีต่อมัน เป็นสิ่งที่เราปรารถนาในชีวิตอย่างแท้จริง เมื่อเป้าหมายยิ่งชัด เราก็จะยิ่งมองเห็นหนทางปฏิบัติเพื่อเข้าสู่เป้าหมายนั้นที่ชัดเจนขึ้นด้วย เมื่อเห็นหนทางแล้วก็ต้องอาศัยวิริยะ เพียรพยายามไม่ย่อท้อ ไม่กลัวความผิดพลาดล้มเหลว ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ หล่อหลอมกายใจเป็นหนึ่งเดียวกับหนทางปฏิบัติอย่างต่อเนื่องทุกคืนวัน และใช้สติปัญญาทั้งหมดที่เรามีเพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาด และพิจารณาหนทางสู่เป้าหมายนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใครมีสูตรผสมนี้สมบูรณ์ ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการอย่างแน่นอน ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อถึงแล้วจะยังไงต่อ?

เป้าหมายหนึ่งจะถูกทดแทนด้วยเป้าหมายใหม่ๆ เสมอ เป้าที่เราหมายจะไปให้ถึงอยู่เสมอนี้มีใครบ้างที่เคยไปถึงมัน? คนที่สามารถพูดได้ว่าในที่สุดฉันก็ถึงเป้าหมายแล้ว เป้าหมายสูงสุดของชีวิตที่ดับสิ้นซึ่งความทะยานอยากในการเข้าถึงเป้าหมายอื่นใดทั้งสิ้น คือถึงแล้วจริงๆ ไม่ต้องไปที่ไหนอีก อะไรคือความสุขที่จีรังยั่งยืนตลอดไป ความสุขที่ไม่แปรเปลี่ยน ความสุขที่ไม่สูญสลายและต้องควานหาความสุขใหม่ๆ อยู่ร่ำไป ความสุขที่ดับสิ้นซึ่งความทุกข์ทั้งหมดทั้งปวง ความสุขที่เป็นอิสรภาพอันแท้จริงที่อยู่เหนือความทะยานอยากของใจ และอยู่เหนือร่างกายที่ต้องเจ็บต้องแก่ต้องตายอย่างไม่รู้จบ

วิถีชีวิตของมนุษย์เราคงไม่ต่างไปจากคุก เป็นวงจรที่วนเวียนอยู่เช่นนี้ร่ำไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น จะวนอย่างเป็นสุขหรือจะวนอย่างเป็นทุกข์ก็วนอยู่ดี โดยมีใจที่ถูกผลักดันด้วยความอยากในการเข้าถึงเป้าหมายใหม่ๆ อยู่เสมอ เป็นการเดินทางไร้จุดหมายอันแสนยาวนาน

เมื่อไม่เห็นทุกข์ก็คงไม่อยากพ้นทุกข์ เมื่อไม่เห็นความทุกข์ที่ไม่ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ หรือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่ต้องการไป เราก็คงไม่อยากหาทางไปให้พ้นจากมัน ความทุกข์นี้คือสิ่งกีดขวางอิสรภาพและมันก็มีเคล็ดลับที่น่าประหลาดใจ คือยิ่งเราพบความทุกข์ในชีวิตมากเพียงใดเราก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นด้วย เพราะเราเริ่มเห็นแล้วว่าความความทุกข์อะไรที่ครอบงำชีวิตเราเสมอมา เมื่อเรารู้ทันมันเราจึงจะรู้ต้นตอรากเหตุของมันได้ เมื่อเห็นมันชัดๆ จึงจะรู้ว่าสภาวะที่ไม่มีมันนั้นมีอยู่ และบัดนั้นวิถีปฏิบัติในการถอนรากถอนโคนทุกข์นี้ก็จะปรากฏขึ้นมาเอง

เคล็ดลับนี้อาจฟังเหมือนทฤษฎีที่สวยหรู แน่นอนว่าเคล็ดวิชาทั้งหมดคงเป็นได้แค่ทฤษฎีหากไร้ซึ่งการฝึกฝนปฏิบัติ การเข้าถึงอิสรภาพที่แท้นั้นมีอยู่จริง การปฏิบัติเพื่อถอนรากถอนโคนความทุกข์ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นมีอยู่จริง และคนที่เคยทำได้แล้วก็มีอยู่ และยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ ทางออกนั้นมีอยู่ คำถามอยู่ที่ว่าเราต้องการไปให้ถึงทางออกนี้จริงหรือเปล่า?


ธีร์ พลัง
๑๐ มีนา ๕๒ ตอนบ่ายกว่าๆ

ไม่มีความคิดเห็น: